เขากล่าวว่าพร้อมรับผิดชอบหากบ้านเมืองเสียหาย แต่มีความพยายามที่จะสร้างความเข้าใจผิด ทั้งที่เป็นเพราะการค้าของโลกหดตัวจึงกระทบต่อการจ้างงาน การท่องเที่ยว และทำให้การจัดเก็บภาษีน้อยลง ซึ่งทุกประเทศมีปัญหาเหมือนกันหมด ตนเองไม่เคยบอกว่าเศรษฐกิจดี แต่บอกว่าพื้นฐานของระบบสถาบันทางการเงินไทยแข็งแกร่ง ตนเองบอกว่าหนัก แต่จะหนักมากหนักน้อยก็อยู่ที่เศรษฐกิจโลกด้วย
ส่วนที่จัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าก็เนื่องจากเจอภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มา ตั้งแต่กลางปี ซึ่งหากจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็จะเกิดการว่างงานมาก ซึ่งหากไม่ปล่อยรัฐบาลก็ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องใช้เงิน ซึ่งวิธีหาเงินมี 3 แนวทางคือ 1.เก็บภาษีให้มากขึ้น ซึ่งตนเองก็บอกว่าไม่ใช่แนวทาง ได้บอกทางกระทรวงการคลังไปว่าไม่ต้องกังวล ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการรีดไถภาษี 2.การขายหลักทรัพย์ ซึ่งก็ไม่ใช่แนวทางและ 3.การกู้ ซึ่งสถานการณ์แบบนี้หากจะกู้ก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทุกประเทศก็ทำกัน ถือเป็นเรื่องปกติ
"อย่าพยายามสร้างภาพให้เกิดความเข้าใจผิดว่าพรรคประชาธิปัตย์พยายามที่จะกู้ เงินตลอด ทั้งที่ความเป็นจริงรัฐบาลที่ทำให้ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก็คือรัฐบาลประชาธิ ปัตย์ เพราะเราทำให้หยุดกู้ และจริงแล้วก็สามารถใช้หนี้ให้หมดก่อนกำหนดได้ แต่เห็นว่าหากทำเช่นนั้นจะเป็นการขาดทุนดอกเบี้ยจึงเห็นแก่ประโยชน์ของชาติ มากกว่าประโยชน์ทางการเมือง จึงต้องเป็นตราบาปแบบนี้ ดังนั้นเรื่องเงินกู้ในยามวิกฤตอย่าไปต่อต้านเลย ไม่เช่นนั้นต้องเก็บภาษีเพิ่มหรือขายทรัพย์สินของชาติแทน การกู้เงินแบบนี้ถือว่าช่วยเหลือชาติ"